เจ็ดขั้นตอนการหมักเบียร์อันสมบูรณ์แบบ
เบียร์คือ
เบียร์นั้นถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันมากที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ โดยมีองค์ประกอบหลัก ได้แก่ น้ำ ใบฮ็อพ ข้าวบาร์เลย์ และยีสต์ ตามสถิติในปี ค.ศ. 2010 ชาวอเมริกันมีการบริโภคเบียร์ต่อหัวสูงถึง 78.2 ลิตรต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผู้คนจะนิยมดื่มเบียร์กันมาก แต่วิธีการผลิตเบียร์นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจ บทความในสัปดาห์นี้จะกล่าวถึงวิธีการผลิตเบียร์เบื้องต้น เพื่อให้คุณได้เข้าใจในเครื่องดื่มที่คุณบริโภคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้ดีขึ้น ก่อนที่เราจะพูดถึงขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ เราน่าจะได้ทราบประวัติและความหมายของการหมักเบียร์คร่าวๆ เสียก่อน
การหมักเบียร์คืออะไร?
1. การทำให้ข้าวงอก
ข้าวบาร์เลย์เป็นเมล็ดธัญพืชที่นิยมใช้ในการหมักเบียร์ เราจะนำข้าวบาร์เลย์มาทำให้งอกโดยบรรจุลงในถังและแช่น้ำไว้ประมาณ 40 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นำออกมาจากถังและแผ่ไว้ห้าวัน ข้าวก็จะเริ่มงอก เมื่อข้าวเริ่มงอกแล้ว เราก็จะนำมาอบให้แห้งเพื่อให้หยุดงอก แล้วจึงนำข้าวนั้นมาบดเพื่อให้เกิดแป้งและคาร์โบไฮเดรตจากเมล็ดข้าว ในขั้นตอนนี้ เมล็ดข้าวที่ได้เรียกว่า ข้าวบาร์เลย์งอก
2. การบด
นำข้าวบาร์เลย์งอกมาบรรจุลงในเครื่องบดขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Mash Tun เติมน้ำร้อนลงไปเพื่อทำให้คาร์โบไฮเดรตที่ได้จากขั้นตอนแรกแตกตัวออกเป็นน้ำตาล ผลที่ได้จากการบดนี้คือส่วนผสมของเหลวที่มีรสหวาน เรียกว่า เวิร์ท (Wort)
3. การต้ม
นำของเหลวที่กรองออกมาจากเครื่องบดบรรจุลงในหม้อทองแดงขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่า Copper ต้มของเหลวประมาณ 45 ถึง 90 นาที โดยขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ที่ต้องการหมัก ในช่วงที่ต้มก็เติมใบฮ็อพและเครื่องปรุงรสชาติอื่นๆ เพิ่มเข้าไป การต้มทำให้เบียร์มีรสชาติดีขึ้นและเป็นการฆ่าเชื้อไปในตัวด้วยการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดขึ้นจากการบดในขั้นตอนที่สอง
4. การหมัก
หลังจากต้มเสร็จแล้ว นำส่วนผสมมาทำให้เย็นลงและถ่ายลงบรรจุในถังหมัก จากนั้นจึงเติมยีสต์เพื่อกำจัดส่วนที่เป็นน้ำตาลและทำให้ส่วนผสมกลายเป็นแอลกอฮอล์ ชนิดของยีสต์ที่ใช้จะเป็นตัวกำหนดอุณหภูมิที่จะเกิดการหมัก และระยะเวลาที่ใช้ในการหมัก
5. การหมักช่วงสุดท้าย (Conditioning)
การหมักช่วงสุดท้าย (Conditioning) จะบ่งบอกถึงอายุของเบียร์ และมักจะนับเป็นส่วนหนึ่งของการกระบวนการหมัก ผู้ผลิตหลายรายจะถ่ายเบียร์ออกจากถังหมักแรก (โดยทั่วไปเรียกว่าถังหมักแรก Primary Fermentation Tank) และนำมาหมักต่อในอีกถังหนึ่ง ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เบียร์เอลจะมีระยะเวลาการหมักสามสัปดาห์ ในขณะที่เบียร์ลาเกอร์จะใช้เวลา 30 วันหรือมากกว่านั้น อันที่จริงแล้วระยะเวลาที่ใช้ในการหมักจะแตกต่างกันออกไป โดยเบียร์เอลบางชนิดจะถูกบรรจุในถังไม้โอ๊คและทิ้งไว้นานหลายเดือนหรือหลายปีก็มี
6. การกรอง
หลังจากเบียร์ที่หมักมีอายุพอเหมาะ ส่วนใหญ่จะถูกนำมากรองเอาวัตถุไม่พึงประสงค์และยีสต์ที่เหลือออกไป การกรองเบียร์จะทำให้รสชาติเบียร์คงที่ เบียร์หลายชนิดจากประเทศเบลเยี่ยมจะเป็นแบบไม่ผ่านการกรอง จึงข้ามขั้นตอนนี้ไปได้
7. การบรรจุ
ขั้นตอนสุดท้ายในการหมักเบียร์ก็คือการบรรจุลงในภาชนะเพื่อให้ขนส่งได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปอาจบรรจุใส่ในถัง ขวด หรือ กระป๋อง แล้วจึงขนส่งออกจากโรงหมักเบียร์ นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการทำให้ข้าวงอกจนกระทั่งบรรจุใส่ภาชนะ ปกติจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 60 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ที่จะผลิตและวิธีการหมัก ดังนั้นในครั้งหน้าหากมีโอกาสได้ดื่มเบียร์ที่นำมาเสิร์ฟถึงมือคุณ ก็จงดื่มให้กับคนหมักเบียร์เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับเวลาและการอุทิศตนเพื่อผลิตเบียร์ที่ท่านชื่นชอบ