วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

การหมักเบียร์

เจ็ดขั้นตอนการหมักเบียร์อันสมบูรณ์แบบ


เบียร์คือ

เบียร์นั้นถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันมากที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้  โดยมีองค์ประกอบหลัก ได้แก่ น้ำ ใบฮ็อพ ข้าวบาร์เลย์ และยีสต์  ตามสถิติในปี ค.ศ. 2010 ชาวอเมริกันมีการบริโภคเบียร์ต่อหัวสูงถึง 78.2 ลิตรต่อปี  และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าผู้คนจะนิยมดื่มเบียร์กันมาก  แต่วิธีการผลิตเบียร์นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจ  บทความในสัปดาห์นี้จะกล่าวถึงวิธีการผลิตเบียร์เบื้องต้น  เพื่อให้คุณได้เข้าใจในเครื่องดื่มที่คุณบริโภคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้ดีขึ้น ก่อนที่เราจะพูดถึงขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้  เราน่าจะได้ทราบประวัติและความหมายของการหมักเบียร์คร่าวๆ เสียก่อน

การหมักเบียร์คืออะไร?

1. การทำให้ข้าวงอก


ข้าวบาร์เลย์เป็นเมล็ดธัญพืชที่นิยมใช้ในการหมักเบียร์  เราจะนำข้าวบาร์เลย์มาทำให้งอกโดยบรรจุลงในถังและแช่น้ำไว้ประมาณ 40 ชั่วโมง  หลังจากนั้นก็นำออกมาจากถังและแผ่ไว้ห้าวัน  ข้าวก็จะเริ่มงอก  เมื่อข้าวเริ่มงอกแล้ว  เราก็จะนำมาอบให้แห้งเพื่อให้หยุดงอก  แล้วจึงนำข้าวนั้นมาบดเพื่อให้เกิดแป้งและคาร์โบไฮเดรตจากเมล็ดข้าว  ในขั้นตอนนี้  เมล็ดข้าวที่ได้เรียกว่า ข้าวบาร์เลย์งอก

2. การบด


นำข้าวบาร์เลย์งอกมาบรรจุลงในเครื่องบดขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Mash Tun  เติมน้ำร้อนลงไปเพื่อทำให้คาร์โบไฮเดรตที่ได้จากขั้นตอนแรกแตกตัวออกเป็นน้ำตาล  ผลที่ได้จากการบดนี้คือส่วนผสมของเหลวที่มีรสหวาน เรียกว่า เวิร์ท (Wort)

3. การต้ม



นำของเหลวที่กรองออกมาจากเครื่องบดบรรจุลงในหม้อทองแดงขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่า Copper  ต้มของเหลวประมาณ 45 ถึง 90 นาที  โดยขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ที่ต้องการหมัก  ในช่วงที่ต้มก็เติมใบฮ็อพและเครื่องปรุงรสชาติอื่นๆ เพิ่มเข้าไป การต้มทำให้เบียร์มีรสชาติดีขึ้นและเป็นการฆ่าเชื้อไปในตัวด้วยการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดขึ้นจากการบดในขั้นตอนที่สอง

4. การหมัก


หลังจากต้มเสร็จแล้ว  นำส่วนผสมมาทำให้เย็นลงและถ่ายลงบรรจุในถังหมัก  จากนั้นจึงเติมยีสต์เพื่อกำจัดส่วนที่เป็นน้ำตาลและทำให้ส่วนผสมกลายเป็นแอลกอฮอล์  ชนิดของยีสต์ที่ใช้จะเป็นตัวกำหนดอุณหภูมิที่จะเกิดการหมัก  และระยะเวลาที่ใช้ในการหมัก

5. การหมักช่วงสุดท้าย (Conditioning)

การหมักช่วงสุดท้าย (Conditioning) จะบ่งบอกถึงอายุของเบียร์  และมักจะนับเป็นส่วนหนึ่งของการกระบวนการหมัก  ผู้ผลิตหลายรายจะถ่ายเบียร์ออกจากถังหมักแรก (โดยทั่วไปเรียกว่าถังหมักแรก Primary Fermentation Tank) และนำมาหมักต่อในอีกถังหนึ่ง ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น  เบียร์เอลจะมีระยะเวลาการหมักสามสัปดาห์  ในขณะที่เบียร์ลาเกอร์จะใช้เวลา 30 วันหรือมากกว่านั้น  อันที่จริงแล้วระยะเวลาที่ใช้ในการหมักจะแตกต่างกันออกไป  โดยเบียร์เอลบางชนิดจะถูกบรรจุในถังไม้โอ๊คและทิ้งไว้นานหลายเดือนหรือหลายปีก็มี

6. การกรอง


หลังจากเบียร์ที่หมักมีอายุพอเหมาะ  ส่วนใหญ่จะถูกนำมากรองเอาวัตถุไม่พึงประสงค์และยีสต์ที่เหลือออกไป  การกรองเบียร์จะทำให้รสชาติเบียร์คงที่  เบียร์หลายชนิดจากประเทศเบลเยี่ยมจะเป็นแบบไม่ผ่านการกรอง  จึงข้ามขั้นตอนนี้ไปได้

7. การบรรจุ


ขั้นตอนสุดท้ายในการหมักเบียร์ก็คือการบรรจุลงในภาชนะเพื่อให้ขนส่งได้ง่ายขึ้น  โดยทั่วไปอาจบรรจุใส่ในถัง ขวด หรือ กระป๋อง  แล้วจึงขนส่งออกจากโรงหมักเบียร์ นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการทำให้ข้าวงอกจนกระทั่งบรรจุใส่ภาชนะ  ปกติจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 60 วัน  ขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ที่จะผลิตและวิธีการหมัก  ดังนั้นในครั้งหน้าหากมีโอกาสได้ดื่มเบียร์ที่นำมาเสิร์ฟถึงมือคุณ  ก็จงดื่มให้กับคนหมักเบียร์เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับเวลาและการอุทิศตนเพื่อผลิตเบียร์ที่ท่านชื่นชอบ

Cr.https://www.wishbeer.com/th/blog/7-steps-to-brew-beer-n2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น